#รีวิวแบบบ้านๆ #รีวิวจากผู้ใช้งานจริง #Fiio_M9
https://m.facebook.com/groups/404097262992260?view=permalink&id=1946564625412175
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณโครงการดีๆ Fiio M9 Ontour จากคุณบอย Holysai ตัวแทนจำหน่าย FiiO ในประเทศไทย และแอดมินหยก Nipas Lapikanont อย่างสูงมา ณ ที่นี้ ผมในนามตัวแทนสมาชิกหูฟังคลับจาก จ.อุดรธานี และเป็นคิวแรกแบบกลุ่มเสียด้วย ที่จะได้รีวิวเจ้าเครื่องเล่นเพลงตัวใหม่จาก Fiio อาจจะเขียนรีวิวแบบเบาๆ มือสักนิด เพื่อให้โอกาสคิว 2, 3, 4 ถัดไปได้แสดงศักยภาพในการนำเสนอได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งลูกเล่น/ฟังก์ชั่นบางอย่าง ผมก็ไม่ได้ทดสอบ อาทิ การต่อพ่วง Digital Out ไปยัง DAC-Amp โดยผ่านสาย Coaxial หรือการลงไฟล์ App APK ต่างๆ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมีปัญหา, การเล่นเพลงผ่าน App Streemming ต่างๆ บอกตามตรง ส่วนตัวผมเองไม่นิยมฟังเพลง Stemming ครับ เลยไม่ได้เป็นสมาชิกแอคเคาท์ต่างๆ ลำพังเพลงที่สะสมใน Hard drive ที่มีแต่ DSD และ Hires 24Bit ก็เกิน 2TB ฟังไม่หวาดไม่ไหวแล้ว เข้าเรื่องรีวิวเลยแล้วกัน
#หมายเหตุ รูปภาพที่ผมลง จะมีคำบรรยายใต้ภาพอธิบายพอสังเขปแล้วครับ
#แกะกล่อง เลยครับ แหม.. เป็นคนแรกที่ได้แกะกล่องซีลพลาสติกเสียด้วยสิ แอบชมว่าดีไซน์กล่องสวยหรูดี มีอุปกรณ์ที่แถมมาให้เกือบครบครันอาทิ ฟิล์มกระจกกันรอย (Tempered glass) ที่ติดตั้งจากโรงงานมาให้เลย, เคสกันกระแทกยางใส TPU, สายชาร์จ USB Type-C, สาย Coax (SPDIF) และคู่มือ ในส่วนสเปคต่างๆ ก็หาอ่านได้ใน https://www.fiio.in.th/product/2627/ขาย-fiio-m9-dap-ชิป-exynos-7270-รองรับ-hi-res-bluetooth-4-2-native-dsd-ldac นะครับ
#เปิดเครื่อง ครั้งแรกจะเจอให้เลือกตั้งค่า ภาษา/Language ผมเลือกเป็น ภาษาไทย ครับ อยากจะรู้ว่ามันรองรับภาษาไทยได้ดีแค่ไหน จริงๆ เมนูมันก็คือ Android นั่นแหละครับ จากนั้นก็กด OK แล้วไปตั้งค่าความสว่างหน้าจอ, หมดเวลาหน้าจอ ตั้งค่าวันเวลา ผมใช้ทางลัดเปิด WiFi ให้มันตั้งวันที่ เวลาอัตโนมัติเลือก GMT+7อินโดจีน แค่นี้ก็เรียบร้อย ส่วนการตั้งค่าสำคัญๆ ก็เข้าเมนูเพลง ในส่วนของ Output หากต่อตรงกับหูฟังเลือก PO (Phone Out), ต่อแอมป์นอกผ่านสาย M2M เลือก LO (Line Out), ต่อ Digital Out ผ่านสาย Coaxial เลือก SPDIF เมนูถัดมาให้เลือก Gain การขยาย ผมเลือกไว้ที่ สูง (High) เพราะมีหูฟังโอห์มสูงหลายตัวทดสอบ เมนูต่อไปจะเป็น Digital Filter มี 5 เมนูด้วยกัน ซึ่งโรงงานตั้งมาที่ Short delay Sharp Roll-off Filter ผมคงไม่เปลี่ยนแปลงมันหรอกฟังตามนี้เลย เมนูถัดมาคือ "คุณภาพในการเล่นผ่านไวเรส" แน่นอนครับ หลายท่านรอคอยฟังก์ชั่นนี้ มันเชื่อมต่อ LDAC 24Bit/96KHz ได้จริงๆ โดยดูจากเครื่องเล่น ES100 ผ่านแอป EarStudio ของมันครับ นอกนั้นก็เป็นการตั้งค่าบาลานซ์ซ้าย-ขวา, การตั้งค่ารีโมทของหูฟังที่ใช้ปุ่ม Small Talk เล่นหยุดเพลงประมาณนี้, ปรับเสียง Line Out ให้คอลโทรลที่วอลลุ่ม DAP เอง แต่ผมแนะนําให้เปิดสุดไปเลยแล้วมาปรับที่แอมป์เอาครับ เมนูสุดท้ายก็เป็น USB DAC ในกรณีที่เราต่อเชื่อมกับคอมพ์หรือ DAC-Amp ผ่่านพอร์ต USB Type-C ที่เหลือก็ศึกษาได้ เพราะเป็นเมนูเหมือนกับ Android ทั่วไป
#การใช้งาน เจ้า Fiio M9 มีขนาดเล็ก กระทัดรัด บอดี้เทียบเคียงประมาณเครื่องเล่น AK70 MKii หรือ Onkyo DP-S1 ประมาทนั้น ในส่วนของ UI เป็น Android ระบบปิดที่ลงไฟล์ APK ได้ไม่ยาก ส่วน App Stemming ที่มีหลักๆ จากโรงงานจะเป็น Tidal และอีก 2-3 ตัวที่ผมไม่รู้จัก แต่แอดมินหยกแจ้งว่ามันรองรับแอป Streemming อย่าง Spotify และ Deezer ได้ แต่ยังไม่รองรับ Jook และ YouTube คาดว่าน่าจะรอ Firmware ถัดไป เอาไว้ให้คิวทดลองท่านอื่นได้เล่นและรีวิวต่อไปครับ ในส่วนการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการทัชสกรีนที่ไหลลื่นตอบสนองมืออย่างดี ผมยังประทับใจกับปุ่มกดด้านข้างต่างๆ ที่แตะเบาๆ ก็ติด ยอมรับว่ามันไวมาก ไวจนหงุดหงิด มันจะลั่นไปไหน แตะปุ๊บ ติดปั๊บ เดินถือไปมามือเผลอไปโดน เปลี่ยนเพลงซะงั้น น่าจะเป็นข้อดีนะส่วนการเล่นไฟล์เพลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น DSD, Hires WAV /Flac 24Bit, Lossless 16Bit จะมีไฟ LED แสดงสถานะแบบ RGB โลโก้ Fiio หากเล่นไฟล์ DSD DSF จะเป็นสีเขียว, Hires 24Bit จะเป็นสีเหลือง, Lossless 16Bit จะเป็นสีม่วง, สีฟ้าแสดงสถานะเปิดเครื่องครั้งแรก, สีแดงแบตกำลังหมดหรือสภาวะชาร์จ หลังจากที่ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ทดสอบฟังเพลงต่อเนื่องหลากหลาย มันเกิน 10 ชม.อัพแน่ๆ เพราะที่ผ่านมา 7 ชม. เหลือ 45% แบตอึดใช้ได้ ทั้งๆ ที่เน้นเล่นแต่ DSD
#แนวเสียง ออกตัวก่อนครับว่าผมไม่มีหู Monitor ที่จะจับคาแรกเตอร์ของเครื่องเล่นได้อย่างชัดเจน แต่ผมอาศัยการเทียบเคียงจากเครื่องเล่นอีกตัวคือ Ibasso DX200 ฟังสลับในเพลงเดียวกัน หูฟังตัวเดียวกันนะครับ
เกริ่นนำ Fiio M9 เลือกที่จะใช้ชิฟเสียง Dual DAC ของ AKM AK4490EN (32Bit) ตามรุ่นพี่อย่างรุ่น DAP X5 Gen3, DAC-Amp Q5 ซึ่งชิพเสียงค่าย AKM เบอร์ AK4490 ถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์อัดเสียงคุณภาพสูง อย่างเช่น Tascam DR100 หรือ DAP ชั้นนำอาทิ Astell&Kern AK300 , AK320 , AK380 , Aune M2 เป็นต้นครับ ซึ่งแนวเสียงของชิพ AK4490 ค่ายนี้นั้นถือว่าให้โทนัลบาลานซ์ที่สมดุลย์กันมากๆ เบส, กลาง, แหลมมาแบบไม่มีย่านไหนเกินหน้าเกินตาใคร โทนค่อนข้าง Natural เป็นกลาง หรืออาจจะออกโทนอุ่นนิดๆ จะไม่ถึงกับสว่างเจิดจ้าหรือคมจนเกินไป มีความพริ้วไหว และให้ความต่อเนื่องลื่นไหลของน้ำเสียงที่ดี ฟังได้ผ่อนคลายแต่ก็ไม่ทิ้งรายละเอียด จะเรียกว่าออกแนว Reference ที่ครอบคลุมไม่เลือกแนวเพลงก็ว่าได้ แต่เจ้าเครื่อง M9 ถือว่า Fiio ทำการมาดีมากในงวดนี้ จูนเสียงได้คัลเลอร์ขึ้น ฟังสนุก จังหวะที่รุกเร้า เบสลูกโตอย่างชัดเจน เสียงกลางอิ่มไม่แห้งบางเหมือนเจ้า X5 3rd (อันนี้เคยใช้มาก่อน หลังๆ อัพเดทอาจดีขึ้น) อิมแพ็คหรือแรงปะทะมาเต็มๆ พื้นหลังเงียบสงัด เวทีเสียงค่อนข้างกลางๆ ไม่กว้างขวางอย่าง DX200 ที่ใช้ชิพเสียงค่าย ESS Sabre และออกไปค่อนทางโทนสว่าง แต่เจ้า M9 มีความลื่นไหลในเนื้อเสียงอย่างต่อเนื่อง ผมว่า... เค้าจูนเสียงเอาใจวัยรุ่นได้พอสมควร ฟังเพลงตลาดยันโอ้ไฟล์สบายๆ ครับ ในส่วนกำลังขับจัดว่าดีมาก วอลลุ่ม Max 120 ผมใช้อินเอียร์ เปิดประมาณ 45-50 แต่ถ้าเป็นเอียร์บัด 32 Ohm จะเปิดประมาณ 60 ที่ High Gain นะครับ
#ข้อเสีย ภาพโดยรวมยังไม่มีข้อตำหนิใดๆ ที่จะจับผิด UI ก็ไหลลื่นไม่หน่วง ตอบสนองได้ดี แต่จะมีหงุดหงิดเวลาเล่นไฟล์ DSD ช่วงรอยต่อระหว่างเพลงจะมีเสียง ปุ๊ ตลอด เหมือน Onkyo DP-X1A ที่ผมเคยใช้ แต่เสียง ปุ๊ ในรอยต่อของ DX200 ผมไม่เป็น เงียบตลอดครับ คงฝากให้ทางตัวแทนแจ้งเรื่องนี้ไปทางผู้ผลิตแก้ไข Firmware อีกทีครับ แต่แอบเสียดายที่ไม่มี Line Out 2.5 Balanced ไม่งั้นจะเป็นตัวจี๊ดอีกตัวที่ต่อแอมป์ระบบ Fully Balanced ได้สมบูรณ์แบบอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพิ่มเติมอีกนิด... หน่วยความจำ ROM ภายในเครื่องแค่ 2G ดูน้อยไปนิดนึง ซึ่งชดเชยด้วยหน่วยความจำภายนอกถึง 2TB แต่ถ้าสตีมมิ่งแบบ Offline ผมไม่รู้ว่าเพลงที่โหลดมาเก็บไว้จะไปพักในส่วนไหน หากมีการลงไฟล์ APK ไว้หลายแอปด้วยนะครับ
ในโอกาสสุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่านกับโครงการดีๆ แบบนี้ สำหรับผมเป็นครั้งที่สองที่เคยได้รับโครงการดีๆ แบบนี้เมื่อครั้งแรกเป็น Fiio X5 3rd Ontour เช่นกัน ขอบคุณทุกท่านที่สนใจ ผมขอแนะนํา... ของดีราคาถูก และของมันต้องมีครับ 😉
รีวิว Fiio M9 นะจ้ะ อิอิ โดยหัวทอง..
ขอบคุณทางแอดมินด้วยนะครับ ที่ให้โอกาศได้ลอง (ฟังไม่มาก แต่รีวิวเยอะ)
ผมจะสรุปสั้นๆ ตามนี้เบย
เสียงออกแนวโปร่ง ออกทางไปคันเลอร์อารมณ์ M7 แต่ว่า เพิ่มห้องดนตรีให้โปร่งขึ้น ปรับให้ฟังได้นานไม่ล้าหูฟังได้ต่อเนื่อง(เสียงเนียน) เครื่องดนตรีไม่เบียดกัน แยกชิ้นได้ชัดเจนพอสมควรไม่เล็งมาก 55 เหมาะหลายแนวมากเสียงประมาณนี้ อาจจะไม่สุดทางใดทางนึงแต่ฟังได้ทุกแนว
-เรื่องเบส ทำได้ค่อนข้างดี ไม่มาก ลูกกลางๆ ไม่หนา ทำมาให้ฟังได้นาน
-เรื่องเสียงร้อง ฟังชัดคำ ชอบงับ อิ่ม อยู่ตรงกลาง
-เรื่องเสียงกลองกับแรงประทะ ค่อนข้างทำได้ดีเลยทีเดียว ไม่แรงมากจนฟังไม่สนุกลูกกลางๆ
-เสียงแหลมค่อนข้างดี ไปได้ไกล ลื่นไหล ไม่ทับย่านอื่น
ทรงกลางๆ จับถนัดมือ จับได้มือเดียว (เหมาะด้านขวา) ปุ่มอยู่ทางซ้ายหมด มีไฟ LOGO Fiio ด้วยแสดงว่าเราเล่นไฟล์แบบไหนอยู่เช่น สีฟ้า MP3 สีม่วง Hires ประมาณนี้ครับผม
ปุ่มหมุนค่อนข้างลื่นไปนิดนึง ปุ่มกดง่ายทุกปุ่ม
ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขอกราบอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย รีวิวทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับผม บะบาย ม้วฟ/
Review : Filo M9 Hi-Res Music Player By ME]
สวัสดีครับ ชาวหูฟังคลับทุกท่าน วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ผมภูมิใจจะนำเสนอรีวิวเครื่องเล่นเพลง DAP รุ่นเรือธงตัวใหม่ตระกูล M ของค่าย Filo ชึ่งเจ้ารุ่นที่ว่าคือ Filo M9 นั้นเอง ชึ่งเจ้าตัว DAP นี้ เพิ่งจะเปิดตัวที่งาน Hong Kong High-End Audio Visual Show 2018 ที่ผ่านมาครับ และตัวผมเองต้องขอขอบพระคุณ ที่ ได้รับโอกาสอย่างดีจากคุณเจ้าของร้าน Indygadget และร้าน Holysai ที่ให้โอกาสผมร่วมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทดสอบของเจ้าเครื่องเล่นพกพาตัวนี้ครับ แต่ก่อนอื่นเลย เราลองไปดูรายละเอียดพื้นฐานของเจ้าเครื่องนี้กันก่อนครับ
----INTRODUCTION-----
เจ้า Filo M9 ตัวนี้วัสดุจะเป็นอลูมินัมอัลลอย ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง SoC Samsung Exynos 7270 ( ขับเคลื่อนด้วย CPU 64-bit Cortex A53 จำนวน 2 ตัวที่ความเร็ว 1GHz) มีแรมทั้งหมด 768MB และใช้ชิบ DAC อดีตเรือธงของ Asahi Kasei รุ่น AK4490EN จำนวนถึง 2 ตัว ทำให้ยิ่งได้ค่า SNR สูงไปอีก รองรับการถอดรหัส DSD128 ได้ในระดับ Hardware และเป็นครั้งแรกที่ตัวเครื่องได้ใช้แผงวงจรแบบใหม่ ที้เรียกกันว่า Eight-Layer HDI (8 Layer High Density Interconnect) ที่ออกแบบมาให้มีความหนาแน่นเป็นพิเศษ ข้อดีที่เขาว่ามาก็คือทำให้จัดการทรัพยากรพลังงานได้ดียิ่งขึ้น และลดสัญญาณรบกวนในระบบลง ทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้น ตัวเครื่องมีช่องเสียงหูฟังสองช่อง คือ 3.5mm มาตรฐานกับ Balanced 2.5mm ที่ได่รับการออกแบบให้แผงวงจรแยกกันอิสระ และยังได้เลือกใช้ชิบของ Texas Instument เบอร์ OPA1612 เป็นตัวกรองสัญญาณรบกวน และชิบ op-amp ของ Texas Instument เบอร์ OPA1622 จำนวน 2 ตัว ในการขับหูฟัง สามารถขับหูฟังที่มีค่าความต้านทานสูงๆได้ดี โดยมีตามที่ระบุในสเปคก็คือ สามารถขับหูฟังที่ 300ohm ได้ถึง 77mW ในการต่อแบบ Balanced
ตัวเตรื่องมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว IPS ของ LG ที่รองรับมัลติทัช 5 จุด เป็นตัวแสดงผลหลัก ขับเคลื่อนด้วย ระบบปฎิบัติการ Android แบบปิด ไม่สามารถลง app ผ่านจำพวก play store ได้ แต่สามารถลง(บาง)แอพพลิเคชั่นได้ผ่านไฟล์ apk รองรับ Bluetooth 4.2 และ codec ได้ทุกรูปแบบในตอนนี้ (LDAC/aptX/aptX HD/SBC/HWA) รองรับ DLNA และรองรับการเล่นเพลงแบบ Streaming จำพวก Tidal / Spotify ผ่าน Wi-Fi มีโหมด USB DAC (Max Output 192KHz/32Bit) ทำให้สามารถต่อใช้งานเพิ่มประสิทธิภาพเสียงเสริมเขื้ยวเล็บให้กับคอมพิวเตอร์หรือมือถือท๊๋รองรับได้ ตัวเครื่องสามารถต่อโอนถ่ายข้อมูล เชื่อมต่อเป็น DAC และชาร์จไฟด้วยพอร์ต USB Type-C ตัวเครื่องยังรองรับการส่งสัญญาณ Native DSD ผ่าน USB ไปยัง DAC ภายนอกได้ (D2P,DOP) ส่วนด้านหน่วยความจำ มีมา 4GB (แต่ให้ผู้ใช้ได้ใช้งานแค่ 2 GB) สามารภเพิ่มหน่วยความจำได้ผ่าน MicroSD Card ได้ 1 ช่อง โดยรองรับได้สูงสุดถึง 2TB และมีไฟโลโก้ Filo แสดงผลสถานะตัวเครื่องอยู่ด้านล่างหน้าจอ เมื่อเล่นไฟล์ DSD จะเป็นสีเขียว Hi-Res ก็จะเป็นสีเขียวเหลืองอ่อน CD จะเป็นสีม่วง MP3 ธรรมดาจะเป็นสีเงิน เวลาชาร์จหรือเสียบต่อคอมก็จะเป็นสีแดง
ทางด้านระยะเวลาการใช้งาน ตัวเรื่องมาพร้อมแบตความจุ 2350mAh โดยในใบสเปคได้ระบุไว้ว่า สามารถ Stand-By ได้นานถึง 45 วัน และใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 10 ซม.
----FIRST IMPRESSION-----
ตัวผมได้รับของในตอนบ่าย รอเวลาว่าง ได้เวลา Unbox จึงได้มานั่งแงะกล่องใบไปรษณีย์ที่พี่คนก่อนแพ็คมาค่อนข้างหนา หลักจากโรมรันพันตูกับการแกะกล่องและบับเบิลกันกระแทกเรียบร้อยแล้ว ผมก็พบกับกล่องสีขาวของเจ้า Filo งานแพคเกจจิ้งดูดีและเรียบง่าย แต่ส่วนตัวอยากให้เขียนระบุสเปคให้ชัดเจน ไว้ตรงที่ว่างๆด้านหลัง น่าจะดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากกว่า พอแกะกล่องออกมา ก็พบเจ้า M9 นอนสงบนิ่งอยู่ในถุงสีขาว และข้างในกล่องก็พบกับ สาย USB Type-C กับสาย 3.5mm to SPDIF out อย่างละ 1 เส้น พร้อม คู่มือการใช้งาน ใบประกัน และใบ License
ด้านซ้ายของเครื่อง จะพบปุ่มควบคุมเครื่อง จากบนลงล่าง ได้แก่ ปุ่มปลดล็อคหน้าจอ/เปิด-ปิดเครื่อง ตัวควบคุมระดับเสียงสีทอง ปุ่ม Play/Pause ปุ่มเลื่อนเพลงสองปุ่ม และช่องใส่ MicroSD Card แบบไม่มีฝาปิด
พอมาดูตรงด้านล่างจะพบกับ จากซ้ายไปขวา ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm / ช่องเสียบหูฟังแบบ Balanced ขนาด 2.5mm / ช่อง USB-Type C ไว้เชือมต่อต่างๆได้
ตัวเครื่องพอได้จับจริงๆ รู้สึกค่อนข้างหนัก สัมผัสวัสดุ ดูหรูหราเป็นของมีราคา อาจจะไม่ค่อยเหมาะถ้าเอาใส่กระเป๋าเหน็บกับเข็มขัดไว้ตรงเอว จากที่ทดลองใช้เอง ก็แอบมีถ่วงกางเกงบ้างเล็กน้อย
จากนั้นได้ทำการเปิดเครื่องขึ้นมา ก็พบกับโลโก้ Welcome และตามด้วยโลโก้ Filo และจากนั้นก็พร้อมใช้งาน ผมเองจึงได้เสียบการ์ดเพลงเข้าไป พอเข้าแอป Music จะมีไกด์ให้เรา และค้นหาเพลง พร้อมฟังได้เลย
เปิดเครื่องขึ้นมาจะพบแอพต่างๆที่ติดตั้งไว้ให้ก่อนอยู่แล้ว อาทิ Filo Music / ตัวจัดการไฟล์ / แกลลอรี่รูปภาพ / การสนับสนุนของ Filo / ตั้งค่าเครื่อง จากการที่ลองใช้งาน UI ก็ตอบสนองเป็นอย่างดี ลื่นไหลดี ไม่สะดุด และใช้งานค่อนข้างง่าย ข้อแนะนำ ควรอ่านที่ไกด์ตอนแรกมาให้ครบ (ไม่งั้นจะต้องมานั่งงมหา EQ แบบผม) แอพเล่นเพลงค่อนข้างใช้ง่าย (แต่สำหรับผม คิดว่า Sony A35 เครื่องประจำการของผมใช้ง่ายกว่า เพราะมันสไลด์ซ้ายขวาบนล่างเข้าถึงได้เกือบทุกอย่าง และเพราะความเคยชิน ผมก็เลยติดมาใช้กับ Filo ด้วยบางครั้ง บางทีไปเมนูไหนก็ไม่รู้ - - )
ถ้าสไลด์หน้าจอลงมา จะพบกับ Android notification bar ที่รวบรวมการตั้งค่าที่เราใช้บ่อย พวก เปิด/ปิด Wi-Fi , เลือก High Gain / Low Gain ให้ปรับตั้งค่าอย่างรวดเร็ว ส่วนลูกเล่น DSP ในแอพจะมี 10-Band Equalizer ให้ครับ ไว้จัดการชดเชยความถี่ให้กับหูฟังบางตัว หรือเปลื่ยนแนวเสียงไปในลักษณะที่ตนเองต้องการก็ได้ แต่ถ้าใครต้องการฟังแบบอัดมาไงออกมางั้น ปิดไปเลยจะดีสุดครับ
---SOUND TEST----
มาลองฟังเพลงกันดีกว่า โดยผมได้เลือกหูฟัง AKG Y50 ที่ให้โทนเสียงบาลานช์ที่สุดที่ผมมี ในการทดสอบ ผมต้องขอแจ่งล่วงหน้าก่อน คือผมสามารถเทสได้กับแค่กับช่อง 3.5 นะครับ เพราะที่บ้านไม่มีหูฟังที่ใช้ช่อง Balanced เลย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
เริ่มต้นด้วยเพลงสากลยุค 90 ฟังสบายๆ อย่างเพลง When you Believe ที่ขับร้องโดย Whitney Houston และ Mariah Carey ที่ผมเลือกมาทดสอบเวทีเสียงและเสียงนักร้อง เพลงเปิดมา จะสัมผัสได้ถึงเสียงหวานของนักร้องตรงกลาง และเวทีเสียงโอบล้อมที่กว้างพอประมาณ และโปร่งมีมิติ สามารถส้มผัสได้ถึงเนื้อเสียงของดนตรีและแต่ล่ะชิ้นได้ชัดเจนและแยกได้อย่างเด็ดขาด ทำให้นั่งหลับตาแล้วจินตนาการไปถึง งานคอนเสริตที่มีทั้งคู่ยืนร้องบนเวที มีคอรัสอยู่ด้านข้าง และดนตรีที่แยกทิศได้ดีมาก และได้ทดสอบกับเพลง Without you ของ Mariah Carey กับ My Love will Go On ของ Celine Dion ผลที่ได้คือ เสียงนักร้องที่ทรงพลังและหวานจับใจ กับเวทีเสียงที่โปร่งกว้างพอประมาณ ชิ้นดนตรีที่มีรายละเอียด ต่างเล่นในตำแหน่งของมัน ไม่ตีกัน มาลองแนวอคูลสติกกีตาร์บ้างอย่างเพลง Hotel Carifonia ของ The Eagle สิ่งสัมผัสได้ถึงเวทีเสียงที่เสียงกีตาร์เสียงใสกิ้งเล่นขนาบซ้ายขวา ประกอบกับเสียงกลองที่ให้จังหวะที่พอดีๆ อิมแพ็คดีมากกับเบสลูกพอดีๆ เสียงนักร้องที่อยู่ตรงกลางที่ทรงพลัง ประกอบกันได้อย่างลงตัวมาก สำหรับแนวนี้ เหมาะมากครับ
มาต่อกันด้วยเพลงสากลใหม่ๆหน่อยด้วยเพลง On The Floor ของ Jennifer Lopez ฟังสนุกมาก แทบจะลุกขึ้นมาดีดดิ้นตามเพลง เสียงกลาง เสียงนักร้องทำได้เคลียร์แยกชัดมีมิติได้ดีมาก กับเบสเป็นลูกๆ ยกตัวอย่างต่อมากับเพลงที่เพิ่งออกมาได้ไม่กี่วัน POP/STAR ของวง K/DA เกม LoL นี่เอง เวทีเสียงค่อนข้างกว้างและไม่อุดอู้ สปืดและไทม์มิ่งดีมาก เหมือนเดิม เสียงร้องและดนตรีทุกอย่าง แยกรายละเอียดได้เคลียร์มาก ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งของมัน แทบไม่ตีกันให้เห็น สำหรับแนวนี้ ก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครเลยครับ
เปลื่ยนมาแนว Metal กันกับ Avenged Sevenfold กับเพลง Shepherd of Fire ที่เลือกมาเพราะอัดมาดีมาก ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน เสียงดนตรีรายละเอียดชัดเจน สปิดไทม์มิ่งดีมาก มิติของเสียงกลองที่อยู่ด้านหลังสัมผัสได้อย่างชัดเจน สัมผัสถึงแรงปะทะของกระเดื่อง ไลน์กีตาร์แยกกันชัดเจน และ เสียงฟาดกลองได้อย่างดุดัน กับอีกเพลง Psychosocial ของ Slipknot ที่สัมผัสได้ถึงความดุดันของเพลงเลยทีเดียว สำหรับแนวนี้ก็ทำได้ดีครับ
แนว Soundtrack ยกตัวอย่าง Soundtrack จากเรื่อง Sayoasa ทำได้ดีมากครับ นอนหลับตาจินตนาการได้เลย เสียงดนตรีคลอเบาๆ สบายๆ เวทีเสียงโปร่งกว้าง ให้ความผ่อนคลายได้ดี
แนว Anisong ก็สามารถทำได้ดีมาก เสียงดนตรีไม่มีใครเด่นเกินใคร ยกตัวอย่างเพลง Ichiban no Takaramono ที่ได้อารมณ์ของนักร้อง LiSA แบบเต็มๆ และดนตรีที่ไม่เด่นเกินหน้าเกินตากันก็ทำหน้าที่ซัพพอร์ตนางได้ดี และเพลง Fallin’ ของ ZHIEND จากอนิเมะเรื่อง Charlotte ที่เจ้า M9 สามารถถ่ายทอดบรรยากาศมาได้ดีมาก ได้ยินเสียงเกากีตาร์อย่างชัดเจน หรือจะอย่าง Only My Railgun / Level 5 Judgelight ของ Fripside ก็ได้สปิดและไทม์มิ่งที่ดี ฟังแยกรายละเอียดออกค่อนข้างชัดเจน แต่พอมาลองกับเพลง Don’t say Lazy ของวง Houkago Tea Time จากอนิเมะเรื่อง K-ON แล้ว รู้สึกขาดความกระแทกกระทั้นไปนิดหน่อย แต่ส่วนอื่นยังได้อยู่ครับ แนวนี้ก็ถือว่าผ่านฉลุย
แนวสตริงบ้านเรา ก็ทำไดัดี ที่ลองๆฟังมา คือฟังสนุกทุกเพลง เครื่องดนตรีทุกย่านมีรายละเอียดดี เด่นเท่ากัน และไม่ตีกัน ยกตัวอย่างเพลง สายน้ำไม่ไหลกลับ ของคุณมาซ่า วัฒนพาณิช เข้าถึงอารมณ์เพลงได้ดี ส่วนเพลงลูกทุ่ง ยกตัวอย่าง เพลง ดาวเรืองดาวโรย กับ โอ้ยโอย ขับร้องโดย ฝน ธนสุนทร เสียงที่ร้องออกมามีความหวานและลื่นหูดีมาก นอนฟังจะหลับไป สรุปแนวเสียงร้อง ไม้เมือง อรวี สัจจานนท์ ศรัญญา ศรีสุขสวัสดิ์ ต่าย อรทัย ไม่ผิดหวังครับ
-----SUMMARY-----
ข้อดี
- เสียงให้ความเป็นกลาง ไม่มีใครเด่นเกินใคร บาลานช์รายละเอียดดีมาก
- OS Customized มาดีมาก UI ลื่นไหล เข้าใจง่าย แทบไม่มีอาการกระตุกให้เห็น
- รองรับการสตรีมมิ่งเพลงผ่าน Wi-Fi
ข้อที่อยากให้เพิ่มเติม
- อยากให้เพิ่มลูกเล่น DSP มากกว่านี้ ตอนนี้ที่เห็นก็มีแค่ Equalizer
- อยากให้รองรับแอพ BubbleUPnP (หนื่งในโปรแกรมสตรีมมิ่งที่รองรับการสตรีมเพลงผ่าน Google Drive)
- อยากให้ UI ใช้ง่ายกว่านี้
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับคนชอบเบสตูมตาม
- หน้าจอทัชไม่ค่อยติดมือ ต้องย้ำๆหน่อย
- ปุ่มด้านข้าง ปุ่มล็อคหน้าจอกับเล่นเพลงอยู่ใกล้กันเกินไป ทำให้พลาดกดเล่นเพลงเองบ่อยๆ
สรุปแนวเสียงโดยรวมของเจ้า M9 เจ้าตัวนี้ให้เสียงที่ค่อนข้าง overall ได้ทุกแนว ไม่มีย่านไหนเด่นเกินกันเลย ให้เวทีที่โปร่งมีมิติ สัมผัสได้ เบสกลางๆ จะเพลงแนวตลาด ยันไปเพลง Audiophile ก็บ่ยัน และไม่ค่อยเลือก source แต่ถ้าเน้นเบสหนักๆ แนวโจ๊ะๆบ้านเรา อาจจะไม่เหมาะเท่าไรนัก เพราะเบสไม่เด่นตูมตามอะไรเลย แต่ถ้าท่านชอบแนว เน้นเสียงร้องหวานๆ เวทีที่กว้าง หรือชอบรายละเอียดที่ดีและบาลานช์กัน ตัวนี้เหมาะกับคุณครับ
ลองนำมาเทียบกับ Sony A35 ตัวประจำการของผม ทดสอบด้วยการ ฟังด้วยเพลงเดียวกันทั้งหมด A35 เหมาะกว่าถ้าชอบเบส แต่ตัวนี้ จะให้เวทีเสียงที่กว้างกว่า และรายละเอียดที่ดีกว่าพอสมควร
จากประสบการณ์ที่ได้ทดสอบใช้เจ้าเครื่องนี้ ่มีจุดนึงที่สงสัย คือเวลาเล่นเพลงไฟล์ DSD จะมีเสียงปุ็ก่อนเสมอ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่โดยรวมน่าประทับใจในผลงานของมันมาก และผมชอบอีกอย่างคือ ไฟแจ้งเตือนสถานะตอนเล่นเพลง ทำให้เราเช็คได้ง่ายว่า ลืมปิดเพลงหรือเปล่า bluetooth ทดลองเปิดกับลำโพงบลูทูธก็ทำได้ดีไม่ติดขัด แต่ UI รู้สึกว่ายังใช้ยากไปนิดนึง โดยรวมแล้ว ในราคาค่าตัวของมัน ผมมองว่ามันทำได้คุ้มค่าตัวนะ
เจ้า Filo M9 ตัวนี้จับคู่แมตช์ชิ่งกับ AKG Y50 ได้ดีมากครับ ตัวหูฟังตอบสนองกับ M9 ได้ดีมาก นั่งฟัง hotel california เหมือนนั่งแถวหน้าของคอนเสิร์ตเลย หากใครมีอยู่แนะนำเป็นอย่างยิ่งเลย มาลองกับหูฟัง KZ ZST ก็ทำได้ดีครับ เวทีกว้างขวาง รายละเอียดดี ออกแหลมไปนิด พอมาลองกับ EMX500 ก็ถ่ายทอดรายละเอียดออกมาได้ดี เวทีพอประมาณ เข้าขากันอยู่ครับ
รีวิวนี้เป็นการเขียนครั้งแรกของผม ผมนั่งทำไป เปิด Google หาข้อมูลเพิ่มเติมไปด้วย นั่งเขียนรีวิวตั้งแต่ 4 โมงเย็น ไปเสร็จเอา ตี 3 หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นได้นะครับ สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอขอบพระคุณพี่เจ้าของร้าน Indygadget และร้าน Holysai ที่ให้โอกาสผมร่วมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทดสอบของเจ้าเครื่องเล่นพกพาตัวนี้ด้วยครับ หากมีข้อสงสัยประการได้กับเครื่องนี้ สามารถสอบถามพูดคุยกันได้ครับ และท้ายสุด หากเกิดข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมาด้วย ณ ที่นี้ด้วยครับ วันนี้ต้องขอตัวไปก่อน ขอบคุณและสวัสดีครับ
สำหรับ Fiio m9 on tour คิวที่ 8 ได้มาถึงมือผมแล้ว ความคิดเห็นของผมก็ตามนี้ครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ
Dap : Fiio M9
Cable : Norne audio SPC with 2.5 TRRS full balanced Eidolic jack & mmcx
Driver : BGVP DMG 6Driver 2DD+4BA mmcx
Filter : Ultra high
แนวเพลงที่ใช้ทดสอบจะเป็นเพลงแนวสนุกหรือ Anisong ซึ่งผมเป็นคนที่ชอบแหลมๆ ร้องเด่น เบสเด่นอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นของผม ที่จะให้ท่านตัดสินใจซื้อ ผมจะไม่อวยอะไรทั้งสิ้น ผมจะรีวิวตามความรู้สึกของผมทั้งหมด แลัผมไม่ได้ส่วนเสียอะไรกับ Fiio เลยทั้งสิ้น
ความคิดเห็นเกี่ยวกับวัสดุการประกอบ : สำหรับผมแล้วเวลาจับค่อนข้างจับถนัดพอสมควร เรื่องน้ำหนักอยู่ในเกณต์ที่ไม่เบาเกินไปและไม่หนักเกินไป อารมณ์เหมือนกำลังถือ Sony a35
หน้าจอไม่สวยสดแต่อยู่ในเกณต์ดีสำหรับแดปทั่วไป
ฟีลลิ้งการทัช ลื่นใช้ได้เลยครับ แต่จะมีอาการกระตุกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ถึงขั้นหัวร้อนแต่อย่างใด
ปุ่มวอลุ่มอันนี้ดีมากครับ เวลาเลื่อนจะมีความรู้สึกกระตุกที่ปลายปุ่มนิดหน่อย ค่อนข้างนุ่มเลยทีเดียว
ปัจจุบันผมใช้ Onkyo dp-x1 + duet อยู่แล้ว แน่นอนครับว่าเซ็ตผมเป็นเซ็ตสายแหลมดาก ใสๆโปร่งแหลมจัดอยู่แล้ว
เสียงร้อง : เสียงร้องไม่ได้อยู่ใกล้หรือไกลเกินไป แต่อยู่ในเกณต์ที่พอดีๆ เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมมากๆเลยทีเดียว โดยรวมจะออกติดหนานิดๆ แต่ไม่ถึงขั้นหนามาก
เสียงกลาง : ไม่เด่นเหมือนกันครับ ออกบาล๊านเลย อยู่ในเกณต์ที่ดี
เสียงเบส : ไม่เด่นเบส แนวเบสจะออกบางๆไม่หนักแน่น
เสียงดนตรี : ดนตรีเป็นกลางไม่เด่นมาก ไม่ถอยและไม่เด่นมาก
ความกว้างเวที : เวทีกว้างระดับปานกลาง ไม่ได้กว้างแบบทุ่งลาเวนเดอร์ แต่ก็ไม่ได้แคบจนเกินไป อยู่ในเกณต์ที่ดีเลย
รายละเอียด : รายละเอียดสำหรับผมผมให้ดี ไม่ได้มาแบบจัดๆ แต่ให้รายละเอียดที่ค่อนข้างดีถึงดีมากเลยทีเดียว
มิติ : มิติก็ไม่ได้มากจัดแต่อยู่ในระดับกลางๆ ถ้าเทียบกับแดปราคาพันกว่าๆ ถือว่าอยู่ในเกณต์ดี แต่ไม่สามารถสู้ตัวหมื่นๆได้อยู่แล้ว
โดยรวมเป็นแดปที่ให้เสียงค่อนข้างบาล๊าน ไม่เด่นย่านใด เพราะปหติผมฟังชุดผมจะแหลมดากสุดๆ แต่ตัวนี้ผมว่าแหลมมันยังไม่สุด
สำหรับตัวผมผมคิดว่าตัวนี้เสียงออกค่อนข้างสุภาพ คือไม่เด่นเลย ถ้าถามว่าเหมาะกับคนที่ฟังแนวไหน ผมไม่แนะนำสำหรับท่านที่ฟัง Anisong หรือผู้ที่ฟังแนวแหลมจัดๆ เบสหนักๆ
เหมาะกับทุกแนวครับ คนที่ไม่ยึดติดว่าต้องแหลมจัดๆ แต่เหมาะกับคนที่ฟังแนวสบายๆไปเรื่อยๆมากกว่าครับ สามารถฟังได้เรื่อยๆ
ขอขอบคุณทาง Fiio และ Indygadget ที่ส่งตัวนี้มาให้ผมลองและรีวิว หวังว่าท่านที่กำลังอ่านจะเข้าใจครับ
ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณทางแอดมินทุกท่านด้วยนะครับ ที่มีกิจกรรมดีๆ ให้ กับ ผมและเพื่อนๆ ได้ร่วมทดลอง ทดสอบ เจ้า FiiO M9 นี่
ซึ่งถ้ามีกิจกรรมนี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสมั้ย จากที่ครอบครองเจ้า Fiio M9 มาเป็นระยะเวลาไม่กี่วัน ก็อยากจะ have
เห้ย ๆ ไม่ใช่ 55+ อยากจะซื้อมาเป็นของตัวเองเลยทีเดียว แต่งบน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด T__T เลยต้องเศร้าปาย
น้ำตาจิไหล สรุป เลยละกัล สั้นนะครับ
ด้านคุณภาพเสียง
- แนวเสียง ออก กังวาน เบส ตึบ ๆ ทรงพลัง ฟังเพลง EDM มันส์ได้ใจ แต่ ฟัง POP Rock ก็ยัง เป็นลูก ๆ ซึ่งปรับระดับเสียงอยู่ ที่ 42 เอง
- แนว ดนตรี เครื่องดนตรี ละเอียด แยกชิ้นได้ชัดเจน 55
- ฟังผ่าน bluetooth ก็ไม่สะดุด ตรงนี้ ถูกใจมาก เรียกว่าดีทุกด้านเลยทีเดียว
ด้านวัตถุ
- body รูปทรงกระทัดรัด จับถนัดมือ
- ปุ่มกดเรียบ เรียงเป็นแถว ทำให้ใช้งานง่าย
- ฟังก์ชันใช้งาน ก็เข้าใจได้ง่าย
- จอภาพความละเอียดไม่สูงมาก แต่ก็สวยงามได้อยู่
สรุปผมขอเลยได้มั้ย ตัวนี้ อิอิ รีวิว สั้น ๆ จาก คสตห ล้วน ๆ เลยนะครับผม
เคยไหม? อยากฟังเสียงดีๆที่ต่างจากมือถือ อยากฟังเพลงได้ทั้งวัน
ไม่ต้องกลัวมือถือแบตหมด ไม่ต้องได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากแอพต่างๆ เลยซื้อ DAP มาซะเลยดีไหม จะได้ครบจบ
แต่ว่า... ขี้เกียจหาโหลดเพลงเหลือเกิน!! จะซื้อ cd มา rip ฟัง
ก็ไม่มีเวลา จะไปโหลดจากในเน็ตก็ไม่รู้ไฟล์ปลอมแปลงหรือ
เปล่า อยากฟัง streaming จากมือถือเสียงก็ไม่ดี ต้องต่อ Dac/
Amp อีก! ยาวเป็นหางว่าวเลยทีนี้. Dap android ก็ราคาแพงอีก 😅
แต่ตอนนี้หมดปัญหาแล้วครับ เพราะการมาของ '' FiiO M9 " 👍
ราคาไม่แพงมากจนเกินไป หนึ่งหมื่นมีทอน สเปคจัดเต็ม รูปร่างสวยถูกใจวัยรุ่น 😎 งานประกอบนี้ไม่ต้องห่วงเลยเพราะ FiiO เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดด้านนี้มาอย่างยาวนาน จนมีความเชื่อถือได้เลย
จากที่ได้ลองใช้งานรวมๆถือว่าดีเลยครับ ความลื่นไหลในการเข้าเมนู และแอพ spotify ถือว่าใช้งานได้สบายๆ ฟังเพลงไปสัก 20 นาทีเครื่องเริ่มอุ่นๆ แต่ไม่ร้อนมาก มีอาการหน่วงนิดหน่อยตอนเปลี่ยนเพลง
พูดถึงเรื่องเสียง อาจจะไม่ได้เสียงที่เต็มที่ของเครื่องเพราะว่า
ผมไม่มีหูฟังที่ใช้สายระบบ balance 2.5 เลย เสียดายมาก
ผมฟังผ่านแอพ spotify นะครับ เพราะไม่มีเพลงในเมมเลย 😅 โดยใช้หูฟังทั้ง 3 เส้น คือ Rose masya, Kz zsn ,Siam 3.1
จากที่ได้ลองฟังมา ผมชอบการ matching จาก Rose masya
มากที่สุด เหมือนว่า FiiO M9 เสียงมันจะเข้ากันได้ดีกับหูฟังโทนสว่างโปร่งๆดี ฟังแล้วไพเราะขึ้นมากๆ
เสียงแหลม เป็นประกาย ฟังสบายมากๆครับ ไม่เสียดหูเลย
เสียงกลาง รู้สึกถึงความอิ่ม เสียงนักร้องจะอิ่มหนา ฟังสบายลื่นหู ไม่หลบ ไม่พุ่งจนเกินไป ฟังง่ายดีครับ
เสียงเบส ผมว่าปริมาณกลางๆ ไม่เยอะเท่าไหร่ อิมแพคพอดีๆ
โดยรวมๆเสียงออกแนว กลางๆไม่เด่นทางใดจนสุดโต่ง ทำให้ฟังเพลงได้หลากหลายแนวจริงๆ เพลงร้องก็ดี เพลงแนวจังหวะสนุกๆก็ทำได้ดี overall เลยครับ
ข้อดี 1.ราคาไม่แพงเลยกับสเปคและฟังก์ชั่นต่างๆทีได้
2.ฟังสตรีมมิ่งได้หลายเจ้าเลย ทั้ง tidal, spotify, joox
3.เสียงที่ได้คุ้มค่าที่จะอัพเกรดจากมือถือแน่นอน
4.ปุ่มข้างๆเครื่องใช้งานง่าย ใส่กระเป๋ากางเกง ล้วงๆกดเปลี่ยนเพลงง่ายมาก ชอบเลย
ข้อเสีย 1.จอเล็กไปหน่อย ถ้าคนนิ้วใหญ่ๆอาจกดยากนิดนึง
2.อาจมีหน่วงๆบ้างเล็กน้อย
มาแล้วจ้า รีวิว FIIO M9
รีวิว ที่เขียนด้านล่างนี้เป็นการเขียนครั้งแรก ผมก็ไม่ได้ฟังเพลงแล้วแยกแยะเสียงได้เก่งแต่อย่างใด อาศัยว่าชอบฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายและความบันเทิงเท่านั้นเอง
ผิดถูกประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
FIIO M9 เครื่องเล่นพกพา dual dac รุ่นล่าสุดจากทางฟิโอ
ว่าด้วยเรื่องของตัวเครื่องและงานประกอบกันก่อน งานประกอบเครื่องรุ่นนี้เรียกได้ว่าเนี๊ยบและแข็งแรงมากๆครับ
จาการสัมผัสไม่เกิดการบาดหรือรู้สึกคมเลยครับ ปุ่มควบคุมต่างๆ ไม่อาการหลวมขยับหรือโยกคลอนให้เห็น
ปุ่มโวลลุ่มเป็นแบบหมุนคล้ายๆกับ FIIO M7 แต่เจ้าตัวนี้จะโค้งมนกว่า จากการลองเล่นดูลื่นไหลตอบสนองได้ดี
การใช้งานเมนูต่างๆ เทาที่ใช้ดูไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากมายถ้าใครที่ใช้สมาร์ทโฟนอยู่แล้ว
ไม่ต้องกลัวว่าจะงงกับเมนูต่างๆ เลยครับ มีเมนูไทยให้เรียบร้อย
การทัชสกรีนั้นจัดว่าลื่นมาก ไม่มีอาการสะดุดเลยครับ แต่เมมโมรีที่ผมใช้แค่ 64 GB เท่านั้น
มาว่ากันเรื่องเสียงกันบ้างครับ
เสียงเบส เบสเครื่องนี้ เป็นเบสที่ฟังสนุกทีเดียวครับสำหรับผม มีแรงปะทะให้ได้สัมผัสกันแน่นอน
และไม่บวมเบลออีกด้วย
เสียงร้อง เสียงของนักร้องมีความชัดเจนจะแจ้งออกหนานิดๆ จะนำเครื่องดนตรีอยู่นิดหน่อย
เวทีเสียงนั้น ไม่ได้กว้างจนโหรงเหรงและก็ไม่ได้แคบอึดอัดจนน่ารำคาญครับ
รายละเอียดเสียงเล็กๆน้อยๆ นั้นก็ยังสามารถที่จะได้ยินจาก FIIO M9 เช่นกัน
ไม่ได้ถูกกลืนหายไปแต่อย่างใด
เมื่อลองเปลี่ยนมาช่อง 2.5 บาลานซ์ เสียงทุกย่านได้ถูกยกระดับขึ้นอย่างชัดเจน ปลายแหลมเปิดขึ้น
เสียงนักร้องหนาขึ้น เวทีเสียงกว้างขึ้น ฟังออกโดยไม่ต้องเพ่งเลยครับ
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆถูกถ่ายทอดออกมามากขึ้น
แนะนำเลยครับว่า ถ้าท่านใดมีสายแจ๊ค 2.5 บาลานซ์ ควรใช้อย่างยิ่ง
เรื่องแบตเตอรี่นั้น จากการเทสด้วยไฟล์ .flac เสียบช่อง 2.5 บาลานซ์ ผมเปิดทิ้งไว้เพื่อทดสอบแบต ผมเปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง
ปรากฏว่าแบตยังเหลือประมาณ 36 เปอร์เซนต์ ซึ่งน่าจะเป็นไปตามที่สเปคระบุไว้ที่ 10-12ชั่วโมงครับ
ความร้อนตัวเครื่องนั้น เมื่อเปิดเล่นกับไฟล์ DSF ประมาณครึ่ง ชม. มีแค่อุ่นนิดๆตรงบริเวณด้านหลังเครื่องด้านล่าง
นิดเดียวเท่านั้น
ขอเพิ่มข้อสังเกตสักนิด ปุ่มกดค่อนข้างนิ่มโดนนิดเดียวก็ตอบสนองละครับ
และโดยส่วนตัว เครื่องเล่นขนาดเท่านี้ผมจะพกพาออกนอกบ้านโดยใส่กระเป๋าเสื้อ แต่เนื่องจากว่า
ช่องเสียบหูฟังอยู้ด้านล่างของเครื่องเวลาใส่เครื่องลงกระเป๋าเสื้อปุ่มเร่งเสียงเท่ากับว่าลงไปอยู่ด้านล่าง
เวลาจะเร่งเสียง ต้องจับเครื่องออกมาจากระเป๋า ไม่เหมือนเจ้า M7 ที่ผมพกอยู่ที่เร่งเสียงโดยที่ไม่ต้องหยิบออกมา
ขอขอบคุณทาง FIIO THAILAND และทางร้าน INDYGADGET ที่ได้มอบโอกาสทดลองฟังเพลงจากเครื่องเล่น FIIO M9
มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ปล.แนวเสียงอาจเปลี่ยนไปตามแต่หูฟังและไฟล์เพลงของแต่ละท่านที่ใช้นะครับ
หูฟังที่ใช้เทส
BGVP DMG
CAMPFIRE POLARIS
KZ ZSN
ไฟล์เพลงที่ใช้เทส
.DSF .FLAC .WAV
หลังจากที่ได้ ลงชื่อ ขอทดสอบFiio M9 ผมต้องขอบอกก่อนว่า ถ่ายรุปไม่ค่อยเป็น ส่วนเรื่อง การฟัง ก็อยู่ในระดับ บีกินเนอร์ เพิ่งมาจริงจังได้ ไม่นาน ยังไม่เซียนมากก ขอบอกเล่าประสบการณ์ เผื่อคนที่เพิ่งจะเข้ามาเริ่มฟังแบบ จริงๆจังๆ ละกันครับ
เริ่มจากวัสดุ Fiio M9 งานประกอบ ดีมากแน่นนาน ไม่ก็องแก็ง ดูดีเลย
ภายนอก มีปรับที่สะดวกมาก การเปลี่ยนเพลงต่าง ง่ายยๆๆ เลย ปรับเพิ่มลดเสียง ก็โอเค การแตะทัช ดีมากสำหรับผม นะ ที่สำคัญมีรูปปกด้วย เห้นแล้วดี ตัวที่ใช้ประจำรุ่นเก่า xduoo x2
มาว่ากันเรื่องเสียง
หูที่ใช้ เป็น bgpv dmg
ผมเป็นสายร็อค ซะส่วนใหญ่นะครับ ฟังทุกแนว แต่เน้นชอบไปทางร็อค
Fiio M9
เพลงตลาด ถือว่า โอเค นะครับ ผม ชอบ คือฟังได้แบบ เรื่อยๆ ชิวๆ มากครบๆ บางเพลงที่ มีรายละเยอะๆ ยิงๆด้ยินชัดขึ้นไปอีก
เพลงช้าหวานจีนๆ เนี่ย หวานซะจนผม แปลกใจมาก คือดีเกิน มาแบบ บอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะ เครื่องราคาค่อนข้างสูง เพราะไม่เคยฟังเครื่องเล่นแพงๆ มากก่อน
เพลงร็อค นี่สุดๆ ครับ กำลังเบส ลดลงนิดเดียว คือ นิดเดียวจริงๆ แต่ฟังได้สนุกเหมือนเดิม แถมฟังได้นานด้วย ปกติ ร็อคเนี่ย ได้ไม่นาน ล้าหู ก่อน ได้กลางแหลม ที่รายละเอียดเพิ่มขึ้นมากอีก
ในส่วนการทดสอบ บูลทูธ หรือระบบ อื่นๆ ต้องขออภัยด้วยนะครับ เนื่องจากใช้ไม่เป้น ผมเอา เมม ตัวเองใส่ แล้วก็ฟังเลย
โดยรวมแล้ว ถือวา่า เป็นเครื่องเล่นที่ ดีมากๆ ตัวหนึ่ง สำหรับผม สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นจริงๆจังๆ ถือว่าน่าสนใจมากๆ แต่สำหรับผม เนื่องจาก ทรัพย์สิน ที่ ไม่ค่อยเอื้ออำนวย เลยมองว่าราคาสูงไปสักนิด หากมีการเซล์ หรือโปรโมชั่น ก็ถือว่า ควรมีไว้เลย
รีวิว ดีไม่ดี ผิดพลาดยังไงก็ ขออภัย ด้วยนะครับออกมาจากความรู้สึกบ้านๆ ของคนข้านนอก ขอบคุณ ครับ
ร้านค้าอัพเดท | 1 ก.ย. 2568 |